วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ชเวดากอง มหาเจดีย์แห่งศรัทธา



ที่มาภาพ: https://www.planetworldwide.com/news/

       สวัสดีครับ ในบทความนี้ ผมจะกล่าวถึงหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ และเป็นสถานที่แห่งการรวมใจของชาวพุทธ  ตั้งอยู่ที่เมียนมา หรือประเทศพม่าที่เรารู้จักกันนั่นแหละครับ ซึ่งก็เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วครับว่า พม่า เป็นประเทศที่มีประชากรนับถือศาสนาพุทธเป็นจำนวนมาก  และถึงแม้ว่าพม่าจะเคยตกเป็นอาณานิคมของประเทศตะวันตก เป็นประเทศที่ผ่านการทำรัฐประหารมาหลายต่อหลายครั้ง จนถึงขนาดต้องปิดประเทศ แต่สิ่งที่ไม่เคยเสื่อมคลายไปจากจิตใต้สำนึกของคนประเทศนี้ ก็คือ ความเคารพและศรัทธาในพระพุทธศาสนา โดยพลเมืองในประเทศพม่านั้น จะมีแนวปฏิบัติเดียวกันที่ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์เลยก็ว่าได้  ยกตัวอย่าง เช่น การถอดรองเท้าก่อนเข้าวัด หลายๆคนอาจจะคิดว่า ประเทศไทยเราก็ทำใช่มั้ยครับ แต่มันมีข้อแตกต่างอยู่ คือ ของพม่าเขาให้ถอดตั้งแต่ก่อนเข้ามาที่ประตูวัดเลย ไม่ใช่มาถอดไว้ตรงบันไดศาลาอย่างที่ประเทศไทยเราปฏิบัติกันอยู่นะครับ  หรือแม้กระทั่งการแต่งตัวของผู้หญิง ที่มีความรัดกุม และสุภาพอย่างมาก เพื่อแสดงให้เห็นว่า เขามีความเคารพและศรัทธากับพระพุทธศาสนามากเพียงใด

      เริ่มต้นมาซะยาวแล้ว ทีนี้ผมจะเข้าเรื่องเลยนะครับ  นอกจากการปฏิบัติที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของพม่า ที่แสดงให้เราเห็นว่า เขาเป็นเมืองพุท,ธอย่างแท้จริง นั่นก็คือ มหาเจดีย์ชเวดากอง ที่เราจะพูดถึงในบทความนี่ละครับ


ที่มาภาพ : https://www.tripadvisor.ru/LocationPhotoDirectLink-g294191-d1985342-i70585455-
Shwedagon_Pagoda-Yangon_Rangoon_Yangon_Region.html

      "ชเว" แปลว่า ทองคำ ส่วนคำว่า "ดากอง" เป็นชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้งในปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของเจดีย์แห่งนี้ ดังนั้น เราจึงอาจจะเรียกเจดีย์นี้ได้ว่า "เจดีย์แห่งทองคำ"  สาเหตุที่เรียกว่าเจดีย์ทองคำ ก็เนื่องจากที่องค์พระเจดีย์นั้น มีทองคำล้อมรอบ และยังมีเพชรและอัญมณีต่างๆประดับอยู่ด้านบน  ทำให้สามารถมองเห็นได้จากทุกมุมเมือง  เนื่องจากองค์พระเจดีย์ที่มีความสูง 48 เมตร และความกว้างโดยประมาณ 105 เมตร  ส่วนที่ตั้งของภูมิศาสตร์ขององค์เจดีย์นั้น ก็ตั้งอยู่บนเนินเขา และไม่มีอาคารอะไรมาบดบังความสวยงามของอัญมณีที่ประดับอยู่โดยรอบ โดยภาพรวมแล้ว จึงทำให้เจดีย์ชเวดากอง เป็นเจดีย์ที่ดูเด่นเป็นสง่าของเมืองย่างกุ้ง และของประเทศพม่าเลยละครับ


      ส่วนความเป็นมา หรือประวัติของเจดีย์องค์นี้ ผมจะกล่าวโดยคร่าวๆนะครับ ตามตำนานเล่าว่า มีพ่อค้ามอญสองคน ชื่อ ปุสสะและภัลลิกะ ซึ่งมีความเลื่อมใสและศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า หลังจากที่ได้ไปถวายตัวเป็นปฐมอุบาสกแล้ว ก่อนจะจากมา จึงได้ขอพระราชทานสิ่งที่ตนจะนำไปบูชาแทนองค์พระพุทธเจ้า  พระองค์จึงได้ประทานพระเกษาธาตุ ทั้งหมด 8 เส้น ให้แก่ชาวมอญทั้งสอง หลังจากที่มอญทั้งสองเดินทางกลับมาถึงเมืองตะเกิง (ย่างกุ้งในปัจจุบัน) ก็ได้สร้างเจดีย์ขึ้น และนำเอาพระเกษาธาตุไปบรรจุไว้ในเจดีย์ เพื่อให้คนได้กราบไหว้มาจนถึงทุกวันนี้


ที่มาภาพ: http://www.paperplanesblog.com/visiting-shwedagon-pagoda/

     สำหรับเวลาที่เปิดให้เข้าชมและกราบไหว้องค์เจดีย์ เปิดตั้งแต่เวลา 04.00 น. จนถึง 21.00 น. สาเหตุที่เปิดให้เข้าชมเวลานี้ ก็เพื่อให้ผู้ที่เข้าไปนมัสการองค์เจดีย์ ได้เห็นแสงแรกที่ส่องมาจากทางตะวันออก และเห็นแสงสุดท้าย ที่ส่องมากระทบทองคำและอัญมณีที่อยู่ล้อมรอบองค์เจดีย์นั่นเองครับ  สำหรับการปฏิบัติตนเมื่อจะเข้าไปกราบไหว้ ก็คือ ต้องถอดรองเท้า และนำเอารองเท้าใส่ไว้ในถุงพลาสติกที่ทางวัดเตรียมไว้ให้ครับ หากท่านไม่ปฏิบัติตาม ก็จะมีเด็กพม่าวิ่งอยู่โดยรอบ เพื่อทักท้วงท่าน และบอกให้ทำตามในสิ่งที่เขาเคยปฏิบัติต่อๆกันมาครับ


     นี่คือการแนะนำอีก 1 สถานที่ท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่นักท่องเที่ยวทั้งหลายไม่ควรพลาดครับ และหากท่านเป็นชาวพุทธด้วยแล้ว ครั้งหนึ่งในชีวิต ก็ต้องหาโอกาสไปนมัสการองค์เจดีย์และเยี่ยมชมความสวยงามตระการตาขององค์เจดีย์ให้ได้ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ



ขอบคุณข้อมูลจาก: 

http://www.tripdeedee.com/traveldata/myanmar/myanmar05.php
https://amazingthaisea.com/
http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/


ค้นข้อมูลเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2561 จากบทความ , เรื่องเล่าจากพระมหาเจดีย์ชเวดากอง แห่งเมียนมา

วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2561

รู้จักกับผู้เขียน

Southeast asia Travel  บล็อคนี้ มีไว้สำหรับแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ รวมไปถึงการให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสถานที่นั้นๆ แต่ก่อนจะไปสู่เรื่องราวที่น่าตื่นตาตื่นใจ และเห็นความยิ่งใหญ่ของศิลปะของความยิ่งใหญ่ในที่ต่างๆนั้น ก่อนอื่น มารู้จักกับตัวผู้เขียนก่อนเลยครับ

ชื่อ อัครเดช โคตนายูง ปัจจุบันเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นครับ โดยส่วนตัวแล้วชอบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เพราะเป็นต้นกำเนิดของหลายๆสิ่งในปัจจุบัน และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา ก็เป็นอีกภูมิภาคที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน มีความหลากหลายทางด้านศิลปะและโบราณคดีอีกด้วย  ซึ่งหลายคนอาจจะไม่เคยรู้ หรือไม่ได้สนใจที่จะศึกษาอย่างจริงจังเกี่ยวกับสิ่งต่างๆเหล่านั้น มันทำให้บางอย่าง ถูกกาลเวลากลืนกินจนหายไปในที่สุด ด้วยเหตุนี้ ผมจึงได้ตัดสินใจที่จะสร้างบล็อคนี้ขึ้น เพื่อถ่ายทอดสิ่งต่างๆที่ได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง หรือได้เรียนรู้จากอาจารย์ที่ถ่ายทอดให้ โดยหวังว่า ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะสามารถนำเอาความรู้ในบล็อคนี้ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ หรือถ่ายทอดต่อก็ได้ 
โดยเนื้อหาที่จะนำมาถ่ายทอด จะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง มีหลักฐานประกอบ หรือมีงานวิจัยจากนักวิชาการมาอ้างอิงประกอบ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และมั่นใจได้ว่าผู้อ่านทุกท่าน จะได้รับความรู้ที่เป็นทางการ และสามารถยอมรับได้ในวงกว้างของนักโบราณคดี หรือนักวิชาการที่ศึกษาเกี่ยวกับด้านนี้โดยเฉพาะ

ท้ายนี้ ฝากติดตาม และแชร์ต่อด้วยนะครับ