วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

อีสาน เทพเจ้าประจำทิสตะวันออกเฉียงเหนือ


    สวัสดีผู้ที่มีความสนใจเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  และผู้ที่มีโอกาสได้อ่านบทความนี้นะครับ  ปกติแล้ว  ผมสร้างบล็อคนี้ขึ้น  เพื่อที่จะนำเสนอเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น  แต่ผมคิดว่า  การที่จะรู้จักสถานที่ท่องเที่ยว  แต่ไม่รู้จักเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อ  หรือประเพณีต่างๆนั้น   ถือว่าองค์ความรู้ที่จะนำติดตัวไปใช้ในการท่องเที่ยวในสถานที่ที่ผมได้แนะนำไป มันจะยังมีไม่เพียงพอ  ดังนั้น  วันนี้ผมจึงได้ตั้งใจเขียนบทความนี้ขึ้น  เพื่อที่จะนำเสนอเกี่ยวกับประวัติและความเป็นมาของเทพเจ้า  และเทพเจ้าที่มีบทบาทและมีอิทธิพลกับชีวิต  รวมไปถึงการมีบทบาทในศาสนานั้น ก็หนีไม่พ้นตำนานเทพเจ้าของศาสนาพราหมณ์  ซึ่งเป็นตำนานที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน จนไม่สามารถที่จะแยกออกจากศาสนาพุธได้เลยครับ


    เทพเจ้าที่เรารู้จักกันอยู่แล้ว จะมีเทพหลักๆอยู่ 3  องค์ คือ พระพรหม ผู้สร้าง พระนารายณ์ ผู้รักษา  และพระอิศวร คือผู้ทำลาย ซึ่งรวมสามพระองค์นี้เรียกว่า ตรีมูรติ  แต่อย่างไรก็ตาม  ตามตำนานของศาสนาพราหมณ์ก็ยังมีเทพเจ้าอีกหลายพระองค์ ที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิต รวมไปถึงมีผลต่อวัฒนธรรมต่างๆด้วยครับ  และในบทความนี้ จะขอกล่าวถึง เทพเจ้าที่มีหน้าที่รักษาและดูแลความเรียบร้อยในแต่ละทิศ  ซึ่งถ้าจะแบ่งเป็นทิศหลักๆ ก็จะมีอยู่ทั้งหมด 4 ทิศ  คือ ท้าวทตรดถ์ ผู้รักษาทิสตะวันออก บางตำนานกล่าวว่า  เป็นพระอินทร์   ท้าววิรุณหค  รักษาทางด้านทิศใต้  ท้าววิรูปักษ์  ผู้เป็นใหญ่ทางด้านทิศใต้  และท้าวกุเวน หรือท้าวเวสสุวัณ ผู้เป็นใหญ่ทางด้านทิศเหนือ  รวมที่ 4 องค์นี้ เรียกว่า จตุโลกบาล  แต่นอกจากนี้แล้ว  ก็ยังมีเทพแยกย่อยออกมาอีก  เป็นเทพประจำทิศต่างๆ รวมได้ทั้งสิ้น 8 ทิศ  ซึ่งถ้าจะกล่าวกันให้หมดในบทความนี้  ผมมีความเห็นว่า มันอาจจะยาวเกินไป ในบทความนี้  ผมจึงจะกล่าวถึงเทพประจำทิศตะวันออกเฉียงเหนือก่อนเป็นอันดับแรก  นั่นคือ เทพอีสาน


    เทพอีสาน  หรือ เทพเอสาน  เป็นเทพเจ้าที่มีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย รวมไปถึงความอยู่เย็นเป็นสุขของมวลมนุษย์  บางตำนานก็กล่าวกันว่า คำว่า อีสาน  เพี้ยนมาจาก อิศวร ที่เรารู้จักกันดี  และบางตำนานก็กล่าวกันว่า  เทพอีสาน คือ สุริยะเทพ ผู้มีหน้าที่ปกปักรักษาและดูแลทิศตะวันออกเฉียงเหนือเช่นกัน   แต่เนื่องจากตำนานของพระอิศวรนั้น  ผู้เขียนอาจจะได้นำเสนอในบทความต่อๆไป  เพราะเป็นตำนานที่ซับซ้อน และยืดยาวมาก ในบทความนี้  จะพูดถึง พระสุริยะเทพ  หรืออาจจะเรียกได้ว่า เป็นพระอีสาน หรือพระเอสานก่อนนะครับ


    สุริยะเทพ  ตามที่เรารู้จักกันดี ก็คือ เทพที่ทำหน้าที่ส่องแสงสว่างให้กับโลก  โดยตำนานในคัมภีร์พระเวทย์กล่าวไว้ว่า  พระองค์มีความยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับตรีมูรติ หรือพูดง่ายๆก็คือ สุริยะเทพองค์เดียว เทียบได้กับพระพรหม พระนารายณ์ และพระอิศวรรวมกันเลยละครับ  กล่าวกันว่า พระองค์จะทรงรถออกมาหน้าทำหน้าที่ในเวลาเช้า  โดยมีวารุณา 7  องค์ ช่วยขับม้าทั้ง 7 ตัวเพื่อลากรถของพระสุริยะเทพ  โดยวารุณานี้ มียศศักดิ์เป็นถึงน้องพญาครุฑเลยครับ  ส่วนชายาของพระสุริยะเทพนี้ ในตำนานกล่าวไว้ว่า คือพระแม่อุษา  เป็นตัวแทนของตอนกลางคืน  โดยพระนางจะแต่งองค์ด้วยเครื่องประดับมากมาย  กล่าวกันว่า ดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า เปรียบได้กับเครื่องประดับของพระนางอุษาครับ  และพระองค์ก็มีชายาอีกองค์ คือ พระแม่คงคา  แต่พระแม่คงคาไม่สามารถทนทานต่อความร้อนของพระสุริยะเทพได้ จึงหนีไปอยู่ในแม่น้ำตามเดิมสำหรับตำนานของพระสุริยะเทพนี้มีข้อมูลเยอะมาก  จึงไม่สามารถกล่าวได้ทั้งหมดนะครับ  แต่อย่างไรก็ตาม  คนก็มีความนับถือพระสุริยะเทพ จนนำไปสร้างเป็นสถาปัตยกรรมและสร้างในศิลปะต่างๆตามศาสนสถาน  และเคารพกราบไหว้บูชา  ถือว่าพระองค์มีอิทธิพลในด้านสิตใจของคนที่นับถือศาสนาพราหมณ์มากครับ


    สำหรับศิลปะที่เกี่ยวข้องกับพระสุริยะเทพนั้น  ส่วนใหญ่จะพบมากในภาคใต้ของไทย  โดยมีส่วนผสมผสานระหว่างศิลปะชะวากับศิลปะปาละ  ซึ่งจะเห็นได้ว่า  อิทธิพลของศาสนาพราหมณ์นั้น  เข้ามามีบทบาทในศาสนาพุธ แม้กระทั่งในเรื่องของศิลปะเลยทีเดียว  และอีกตัวอย่างหนึ่งของงานศิลปะที่เกี่ยวข้อง ก็คือ  ปฏิมากรรมฐานพระธรรมจักรของศิลปะทวารวดีตอนต้น  ซึ่งหากสังเกตจะเห็นว่า มีเทพองค์หนึ่งอยู่ที่ฐานของพระธรรมจักร  ก่อนหน้านี้เคยมีการถกเถียงกันในแวดวงของนักวิชาการว่า เทพองค์นี้ คือใครกันแน่  แต่ในปัจจุบัน ก็เป็นที่ยอมรับแล้วว่า เทพองค์นั้นคือ พระสุริยะเทพนั่นเองครับ และนอกจากงานศิลปะที่ยกมาทั้งสองอย่างนี้  ก็ยังมีงานศิลปะอีกหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับสุริยะเทพ แสดงให้เห็นว่า มนุษย์ในอดีต มีการนับถือเทพเจ้า และบูชาเทพเจ้ากันอย่างแพร่หลาย  สำหรับบทความนี้  ก็ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ  หากใครที่เชื่อเกี่ยวกับเรื่องเทพเจ้าอยู่แล้ว  ก็ให้พิจารณาและเชื่อตามความเหมาะสม  หากใครไม่เชื่อในตำนานเหล่านี้  ก็ขอให้อ่านไปเพื่อความเพลิดเพลิน  และเก็บเป็นความรู้เสริมในเรื่องศิลปะหรือสถาปัตยกรรมต่างๆ   และขอขอบคุณอีกครั้ง ที่ติดตามอ่านจนจบครับ




อ้างอิง:

สืบค้นข้อมูลเมื่อวันที่  17  พ.ย.  2561  จากเว็บไซต์: https://siamrath.co.th/n/13191?fbclid=IwAR2qXwXdKh_Go6PoEkcPpJ3BIkNcoU7qmqoRucXZx7fx5CLXQ1MIa7SAxSw

สืบค้นข้อมูลเมื่อวันที่  16  พ.ย.  2561  จากเว็บไซต์:  http://www.thamnaai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=573413&Ntype=1

สืบค้นข้อมูลเมื่อวันที่  17  พ.ย.  2561  จากเว็บไซต์:  http://2265506004.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น