วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2563

5 เทคนิค ที่จะทำให้คุณพัฒนาไปสู่ไกด์มืออาชีพ

        
ที่มาภาพ : https://www.gotokyo.org/th/plan/machinaka-community-tourist-information/index.html


       สวัสดีครับ ก็กลับมาพบผู้อ่านอีกเช่นเคยนะครับ หลังจากที่เราได้รู้เรื่องราวของประวัติศาสตร์ หรือสถานที่ท่องเที่ยวของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในบทความก่อนหน้านี้ คิดว่าผู้อ่านคงได้ทราบเรื่องราวประวัติศาสตร์มาพอสมควรแล้ว ในบทความนี้ ผมจะมาบอกถึง เทคนิคของไก๊ด์นำเที่ยว ซึ่งแน่นอนครับว่า เรารู้เรื่องสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว จะไม่พูดถึงไก๊ด์นำเที่ยวเลยก็คงไม่ได้ และผมก็เชื่อว่า เป็นอาชีพที่หลายๆคนอาจจะกำลังเดินทางไปหามันนะครับ เพราะเป็นอาชีพที่ได้เที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ ได้พบกับคนมากมาย แถมรายได้ยังสูงอีกด้วย ว่าแต่ เทคนิคของไก๊ด์นำเที่ยวที่ควรรู้จะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูพร้อมๆกันเลยครับ


1.  จัดสรรเวลาให้ลงตัว

      เวลาเป็นสิ่งสำคัญมากนะครับ สำหรับทุกสิ่ง ยิ่งการที่จะพานักท่องเที่ยวให้ไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆให้ได้มากที่สุด ให้ลูกทัวร์ซึมซับสิ่งต่างๆจากสถานที่นั้นๆให้ได้เยอะที่สุด และในกรอบเวลาที่จำกัดที่สุด เพราะโดยส่วนใหญ่ นักท่องเที่ยวที่ไปเป็นกลุ่ม มักจะมีเวลาไปประมาณ 2 วัน 3 คืน หรือ 3 วัน 4 คืน ดังนั้น เมื่อเราลงภาคสนาม และพานักท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ การวางแผนแข่งกับเวลา เป็นสิ่งที่ไก๊ด์เลี่ยงไม่ได้ และจำเป็นต้องฝึกจัดสรรเวลาให้ชำนาญด้วย เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยครับว่า ปัญหาเฉพาะหน้า เราจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ดังนั้น การทำงานในกรอบเวลาที่กระชั้นชิด และการตรงต่อเวลา สำคัญมากครับ

ที่มาภาพ: http://www.readypr0ject.com/product/743/แอปพลิเคชันสร้างมัคคุเทศก์นำเที่ยวและทริปท่องเที่ยว


2.  รับมือกับปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี
        ทุกครั้งที่พาลูกทัวร์ไปยังสถานที่ต่างๆ เราไม่สามารถคาดเดาอนาคตล่วงหน้าได้ ดังนั้น สิ่งที่ไก๊ด์ต้องคำนึงถึงตลอดก็คือ หากเกิดปัญหานี้ขึ้น จะดำเนินการอย่างไร เช่น หากกลุ่มทัวร์เป็นผู้สูงอายุ แล้วเกิดเป็นลมในสถานที่ท่องเที่ยว เราจะต้องปฐมพยาบาลเป็นเบื้องต้นก่อน แล้วทำอย่างไรต่อไป ควรมีแผนการเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อรับมือปัญหาที่ไม่อาจคาดคิดได้ ตรงนี้สำคัญมากนะครับ เพราะถ้าตัดสินใจผิดพลาด หรือช้าแค่นาทีเดียว อาจจะถึงแก่ชีวิต หรือทำให้ทัวร์ล่มเลยก็ได้ ซึ่งมันจะส่งผลระยะยาวต่อบริษัท และแน่นอน ส่งผลต่ออาชีพเราเองครับ

3. ตอบคำถามหนึ่งคน ให้ทุกคนเข้าใจ
       ถ้าอ่านแต่หัวข้อ ก็จะงงนิดนึงนะครับ แต่สิ่งที่ผมจะอธิบายก็คือ ในขณะที่เราภาคทัวร์ หรืออธิบายสถานที่ท่องเที่ยวให้กับลูกทัวร์ฟังอยู่นั้น อาจจะมีซักคนนึงที่ถามคำถามขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเราจำเป็นต้องตอบคำถามลูกทัวร์ ก็ควรจะตอบคำถามด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินในกลุ่มลูกทัวร์ทุกคน เพราะลูกทัวร์ที่มาด้วยกัน อาจจะกำลังมีคำถามนี้อยู่ จะได้ไม่ต้องถามซ้ำกัน ทำให้เวลายืดเยื้อ และอีกนัยหนึ่ง จะทำให้ลูกทัวร์ได้รับความรู้ไปด้วยนั่นเองครับ

ที่มาภาพ:https://th.rti.org.tw/radio/programMessageView/id/29489


4. ไม่หันหน้าเข้าหาสิ่งที่จะบรรยายโดยตรง

       เมื่อเราจะคุยกับใคร เราจำเป็นต้องหันหน้าเข้าหาคนนั้น เพื่อจะได้มีการสบตา และสำรวจได้ว่า ลูกทัวร์เข้าใจในสิ่งที่เรากำลังอธิบายอยู่หรือไม่ กรณีย์การนำเที่ยวก็เช่นกันครับ เมื่อถึงจุดที่เราต้องอธิบายให้ลูกทัวร์ฟัง เราไม่จำเป็นต้องหันหน้าเข้าหาสิ่งนั้นโดยตรง เพราะจุดประสงค์เราคือ การอธิบายให้ลูกทัวร์เข้าใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร ลูกทัวร์อาจจะเคยมายังสถานที่นี้เป็นครั้งแรก แต่ไก๊ด์เคยมาเป็นร้อยๆครั้งแล้ว (จุดนี้ต้องขึ้นอยู่กับระยะเวลาการทำงานด้วยนะครับ) ดังนั้น เมื่อจะกล่าวถึงสิ่งใด เพียงแค่ผายมือ หรือใช้หางตามองไปทางสิ่งนั้น หรืออาจจะใช้สัญลักษณ์ที่มองเห็นได้ชัดเจน เช่น สี หรือรูปทรง เพื่อที่จะทำให้ลูกทัวร์เห็นภาพชัดเจน และเข้าใจมากขึ้นนั่นเองครับ

5. เอาใจใส่ในการภาคทัวร์ทุกครั้ง

        การภาคทัวร์ หรือการนำทัวร์ ไก๊ด์จะต้องมีใจเป็นผู้บริการตั้งแต่เริ่มบรรยายในแต่ละสถานที่ จนกระทั่งจบทัวร์นั้นๆเลยนะครับ โดยเริ่มตั้งแต่ การหาที่ร่มให้ลูกทัวร์ยืนอยู่หน้าสถานที่ท่องเที่ยว อธิบายคร่าวๆ ไม่ลงลึกเรื่องเนื้อหา เพราะจะทำให้ลูกทัวร์เบื่อที่จะฟัง บอกจุดสังเกตหากมีการพลัดหลง หรือเมื่อเข้าไปในสถานที่แล้ว บอกให้ชัดเจนว่า อะไรควรหรือไม่ควรทำ เช่น การถอดรองเท้าและถอดหมวกก่อนการเข้าโบสถ์ ระวังทางลาดชันที่อยู่ข้างหน้า เพราะลูกทัวร์บางท่านอาจจะกำลังเดินถ่ายรูปเพลิน จนลืมสังเกตว่ามีทางต่างระดับ หรือแม้กระทั่งการถามทุกครั้งว่ามีคำถามเพิ่มเติมหรือไม่ หากการภาคทัวร์เสร็จสิ้น ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่ที่เวลาในแต่ละสถานที่ด้วยนะครับ ไม่ควรให้นานเกินไป หรือเร็วเกินไป เพราะจะทำให้ลูกทัวร์พลาดข้อมูลที่สำคัญไปได้นั่นเอง


ที่มาภาพ:http://xf-ar.com/2019/09/04/ทักษะความสามารถที่ควรม/


        จริงๆแล้ว เทคนิคของไก๊ด์นำเที่ยว มีอีกเยอะเลยนะครับ นี่เป็นเพียง 5 ข้อ ที่เอามาฝากกันในวันนี้ จะเห็นได้ว่า อาชีพไก๊ด์นำเที่ยว ถึงแม้ว่าจะมีรายได้สูง แต่ความรับผิดชอบก็ต้องสูงด้วย เพราะเราต้องรับผิดชอบชีวิตคนที่เราไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวถึง 20-30 คน ขึ้นอยู่กับขนาดของกลุ่มทัวร์ สำหรับบทความหน้า ผมจะมีอะไรมาฝากกันอีก อย่าลืมติดตามกันนะครับ สำหรับวันนี้ ต้องจบไว้เพียงเท่านี้ก่อน และหวังว่า จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ 


วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2563

จุดเริ่มต้นของอารยธรรม

ที่มาภาพ: https://sites.google.com/site/prawatisastrsakl6/xarythrrm-lok-tawan-tk


           กลับมาเจอกับท่านผู้อ่านอีกครั้งนะครับ เมื่อบทความที่แล้ว เราได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของมนุษย์ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร มีการเปลี่ยนแปลงด้านวิถีชีวิตยังไง รวมไปถึงด้านกายภาพ ที่เปลี่ยนแปลงจากการอยู่บนต้นไม้ มาเป็นเดินสองขาบนพื้น จนกระทั่งกลายมาเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ และสืบเชื้อสายมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป สิ่งมีชีวิตก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง และการต่อสู้ดิ้นรนนี้เองครับ ที่เรียกว่า "วิวัฒนาการ" 

        ส่วนในบทความนี้ ผมจะกล่าวต่อเนื่องจากคราวที่แล้ว โดยจะเริ่มต้นพูดถึงช่วงยุคหินเก่า ไปสิ้นสุดที่จุดเริ่มต้นของอารยธรรมมนุษย์ ซึ่งจะทำให้เราได้เห็นพัฒนาการในแต่ละช่วงโดยคร่าวๆนะครับบ

       ยุคหินเก่า เป็นยุคที่มนุษย์ใช้หินในการดำรงค์ชีวิต ทั้งเป็นอาวุธในการล่าสัตว์ เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ในยุคนี้ จะยังไม่มีการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่ซับซ้อนหรอกนะครับ แต่ถึงกระนั้นเราก็เริ่มเห็นเค้าโครงของการพัฒนาด้านความเชื่อเรื่องโลกหลังความตาย เพราะได้มีการขุดค้นพบหลุมฝังศพ ที่มีการนำเอาเครื่องประดับฝังไปกับศพของผู้ตายด้วย ในยุคนี้ มนุษย์จะยังไม่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง เพราะวิถีชีวิตจะเป็นแบบ ล่าสัตว์หาของป่า คือเร่ร่อนไปเรื่อย ค่ำไหนนอนนั่น ซึ่งจะอาศัยตามถ้ำ หรือเพิงผา ในที่นี้ เราจะไม่พูดถึงยุคหินกลาง เพราะยุคหินเก่ากับยุคหินกลางก็มีความแตกต่างกันไม่มากนะครับ


       ยุคหินใหม่ ในยุคนี้ มนุษย์ได้มีการอยู่รวมกันเป็นสังคมใหญ่มากขึ้น จากกลุ่มคนเล็กๆ รวมกันเป็นหมู่บ้าน และที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเลยก็คือ มนุษย์รู้จักที่จะใช้ประโยชน์จากธรรมชาติให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการดำรงค์ชีวิต กล่าวคือ มีการนำเอาสัตว์มาใช้แรงงาน หรือทำให้เชื่องและสามารถอยู่ร่วมกับคนได้ มีเทคโนโลยีที่สลับซับซ้อนมากขึ้น เช่น การปั้นหม้อ เพื่อเป็นภาชนะ ได้ค้นพบว่า ไฟสามารถหลอมละลายแร่ดีบุกกับทองแดงให้ผสมกันเป็นโลหะได้ และนำมาเป็นอาวุธ หรือเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ และในยุคหินใหม่นี้ มนุษย์ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตจากการล่าสัตว์หาของป่าแบบเดิม ลงมาตั้งรกรากอยู่ตามริมแม่น้ำ เพราะน้ำเป็นแหล่งทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ เนื่องจากอยู่ใกล้น้ำ จึงเกิดการปฏิวัตรครั้งแรกขึ้น คือ "การปฏิวัตรเกษตรกรรม" นั่นเองครับ
จุดเริ่มต้นของอารยธรรม

        อย่างที่บอกไปแล้วว่า มนุษย์เริ่มมาอยู่กันที่ริมแม่น้ำ และตั้งรกรากเป็นสังคมใหญ่ ดังนั้น อารยธรรมที่เกิดขึ้น ในยุคแรกๆ ก็เป็นอารยธรรมลุ่มแม่น้ำนี่แหละครับ โดยอารยธรรมลุ่มแม่น้ำที่สำคัญ และถือได้ว่าเป็นต้นแบบของอารยธรรมในปัจจุบัน มีอยู่ 4 วัฒนธรรมใหญ่ๆด้วยกัน โดยจะมีอารยธรรมตะวันตกอยู่ 2 ลุ่มแม่น้ำ และอารยธรรมตะวันออก อีก 2 ลุ่มแม่น้ำนะครับ

อารยธรรมเมโสโปเตเมีย เกิดขึ้นที่ลุ่มแม่น้ำไทกรีส-ยูเฟรตีส (เมโส แปลว่า อยู่ระหว่างกลาง) ดังนั้น อารยธรรมนี้จึงเป็นอารยธรรมที่เกิดขึ้นตรงกลางของแม่น้ำสองสายนะครับ

อารยธรรมกรีก เกิดขึ้นที่ลุ่มแม่น้ำไนล์ ซึ่งแม่น้ำไนล์นี้ เป็นแม่น้ำที่มีความยาวที่สุดในโลกด้วยนะครับ มีความยาวถึง 6670 กิโลเมตรกันเลยทีเดียว

อารยธรรมจีน เกิดขึ้นที่แม่น้ำแยงซี ซึ่งแม่น้ำแยงซีนี้ เป็นแม่น้ำที่ติด 1 ใน 10 ของแม่น้ำที่มีความยาวที่สุดในโลกด้วย แยงซีมีความยาวถึง 6380 กิโลเมตรเลยนะครับ

อารยธรรมอินเดีย เริ่มต้นที่แม่น้ำสินธุ ซึ่งหลายๆท่านอาจจะคิดว่า ต้องเป็นแม่น้ำคงคา ซึ่งนั่นก็ไม่ผิดครับ เพราะแรกเริ่มเดิมที คนมิลักขะอาศัยอยู่ตามลุ่มแม่น้ำสินธุ แต่เมื่อมีการรุกรานพื้นที่ของชนเผ่าอารยัน ทำให้ต้องถอยร่นมาอยู่แม่น้ำคงคา ทำให้นำเอาอารยธรรมมาตรงนี้ด้วยนั่นเองครับ

แล้วอารยธรรมเหล่านี้ แพร่กระจายไปทั่วโลกได้อย่างไร?

      ก็เมื่อมีการอยู่รวมกันมากขึ้น มีการเจริญเติบโตของสังคมเมือง จากการผลิตที่ต้องผลิตเพียงเพื่ออยู่รอด จึงจำเป็นต้องผลิตเพื่อค้าขายด้วย อารยธรรมต่างๆเหล่านี้ ก็กระจายไปตามสถานที่ต่างๆตามการค้าขายนี่แหละครับ ไม่ว่าจะเป็นภาษา งานศิลปะ การแสดง หรือแม้แต่สิ่งประดิษฐ์หลายๆยอย่างที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน ก็มีพื้นฐานมาจากสิ่งประดิษฐ์ในยุคเริ่มต้นของอารยธรรมมนุษย์นี่แหละครับ เช่น ระบบการประปา การใช้ล้อลาก จนนำมาสู่รถยนต์ในปัจจุบัน นาฬิกาทราย ในยุคกรีก จนถูกพัฒนามาเป็นนาฬิกาดิจิตอลในปัจจุบัน เป็นต้น


ที่มาภาพ: http://203.159.169.9/34/Pages/Content.aspx?cid=2e88a40d-ea25-457f-a80b-8e3c92bf8588&mode=c


         เห็นมั้ยละครับว่า คนยุคก่อน มีภูมิปัญญาที่น่าทึ่งมากแค่ไหน ผมอยากชวนให้ผู้อ่านลองจินตนาการย้อนไปดูว่า ถ้าเรามีชีวิตอยู่ในยุคเริ่มต้น คงลำบากน่าดู เพราะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก หรืออุปกรณ์เทคโนโลยีเช่นในปัจจุบันนี้ แต่ข้อดีก็อาจจะมีอยู่เยอะนะครับ เราไม่ต้องมากังวลกับปัญหาหลายๆอย่างที่ปัจจุบันต้องเจออยู่ เช่น ปัญหาโลกร้อน รถติด หรือแม้แต่วันนี้จะกินข้าวกับอะไร ผมเชื่อว่าบางคนที่อ่านอยู่ตอนนี้ก็อาจจะเคยถามตัวเองด้วยคำถามนี้เหมือนกัน (หัวเราะ)

สำหรับบทความนี้ ต้องขอจบลงแค่นี้ก่อนนะครับ ไว้รอบทความต่อไป ผมจะมีอะไรมาเล่าให้ทุกท่านได้อ่านกันอีก อย่าลืมติดตามด้วยนะคร้าบบบบ





วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2563

วิวัฒนาการของมนุษย์ (Human evolution)

ที่มาภาพ : https://sites.google.com/site/mintjeen09/1/7

       ก่อนอื่นก็ต้องขอทักทายผู้อ่านทุกท่าน ที่ยังคงติดตามอ่านบทความ และความรู้จากบล็อคนี้ทุกคนนะครับ หลังจากที่ห่างหายจากการอัพเดตบทความให้ทุกคนได้อ่านมานานพอสมควร วันนี้ ผมก็ได้กลับมาเขียนเรื่องราวที่น่าสนใจ ให้ทุกคนได้อ่านกันอีกครั้งแล้วครับ

       ทุกคนเคยสงสัยกันมั้ยครับว่า แท้ที่จริงแล้ว มนุษย์ หรือพวกเราเนี่ย มีที่มากันอย่างไร แน่นอนว่า ทุกคนอาจจะเคยได้ยินได้ฟังมาว่า มนุษย์นั้น สืบเชื้อสายมาจากลิง แต่แท้ที่จริงแล้ว เรามีรายละเอียดปลีกย่อยที่มากกว่านั้น ซึ่งน่าสนใจมากๆนะครับ ถ้าพร้อมแล้ว ก็ตามผมมาเรียนรู้เรื่องราววิวัฒนาการของมนุษย์กันได้เลยครับ


        การวิวัฒนาการของมนุษย์ หรือในภาษาอังกฤษว่า Human evolution เป็นการศึกษาถึงที่มาที่ไปของมนุษย์ โดยจะต้องใช้ศาสตร์หลายแขนงในการวิเคราะห์ ทั้งวิทยาศาสตร์ พันธุศาสตร์ ภาษาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และด้านอื่นๆ เพื่อนำเอาข้อมูลมาวิเคราะห์ให้ครบในทุกๆด้าน เพื่อการอนุมานที่ถูกต้อง หรือใกล้เคียงความจริงมากที่สุด ตามหลักพันธุศาสตร์บอกว่า จริงๆแล้ว สิ่งมีชีวิตแต่ละสายพันธุ์ ก็สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษเดียวกันนั่นแหละครับ แต่ในที่นี้ เราจะไม่พูดย้อนไปถึงขนาดนั้น เพราะคงต้องใช้เวลาอธิบายกันยาวมาก แต่เราจะมาพูดถึงสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "มนุษย์" กันเลย ว่าก่อนที่จะมาถึงยุคนี้ เราผ่านอะไรกันมาบ้างนะครับ 

     จากการศึกษาพบว่า มนุษย์สามารถแบ่งออกได้หลายสายพันธุ์ แต่ถ้าจะแบ่งให้เข้าใจง่ายๆ ก็ต้องพูดกันตามยุคสมัย หรือใช้เวลาเป็นตัวแบ่งนั่นแหละครับ โดยถ้าจะแบ่งกันตามยุคสมัยแล้ว มนุษย์ก็มีวิวัฒนาการอยู่ทั้งหมด 4 ช่วงด้วยกัน โดยผมจะลงรายละเอียด ต่อไปนี้ละครับ

ที่มาภาพ : https://sites.google.com/site/mintjeen09/1/7


1.  Homo habilis (โฮโม ฮาบิลิส) เป็นมนุษย์ยุคแรกที่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า ได้เปลี่ยนจากการปีนต้นไม้ มาเดินสองขาบนพื้นดิน โดยมนุษย์กลุ่มนี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อราว 2.3 ล้านปีก่อน นอกจากจะลงมาเดินบนพื้นดินแล้ว สิ่งที่ถือได้ว่าเป็นหลักฐานชัดเจนของการเริ่มต้นวิวัฒนาการเลยก็คือ การเริ่มรู้จักใช้เครื่องมือหิน หรือที่เราเรียกว่า ยุคหินนั่นแหละครับ มีนักวิทยาศาสตร์บางท่านเสนอว่า มนุษย์ยุคนี้ เป็นมนุษย์ที่สมองใหญ่กว่าลิงชิมแปนซีเล็กน้อย และสมองกลีบหน้ามีการพัฒนามากขึ้น จึงทำให้สามารถประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือต่างๆ และนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้นั่นเองครับ

2.  Homo electus (โฮโม อิเล็กตัส) มนุษย์กลุ่มที่สองนี้ มีพัฒนาการต่อจากมนุษย์โฮโมฮาบิลิส โดยเริ่มมีพัฒนาการตั้งแต่ 1.9 ล้านปีก่อน ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับมนุษย์กลุ่มนี้ก็คือ การมีกะโหลกศรีษะที่ใหญ่ขึ้น ทำให้สามารถบรรจุเซลล์สมองได้เพิ่มขึ้นด้วย ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มนุษย์สปีชีอิเล็กตัส มีเซลล์สมองเพิ่มขึ้นจากมนุษย์กลุ่มเดิมถึง 125000 เซลล์เลยทีเดียว นอกจากความเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายแล้ว อิเล็กตัสยังเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่รู้จักการนำไฟมาใช้ประโยชน์ สามารถสร้างเครื่องมือเครื่องใช้จากหินที่มีความสลับซับซ้อนมากกว่าเดิม และยังเริ่มเดินทางเร่ร่อนไปต่างทวีปอีกด้วย ทั้งยุโรปและเอเชีย นี่จึงบ่งบอกได้ว่า การวิวัฒนาการของมนุษย์ยุคก่อนหน้านี้ พบได้ในแถบแอฟริกาเท่านั้น

3.  Homo neanderthalensis (โฮโมนีแอนเดอร์ทานเอนซิส) เป็นมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่ทั้งในทวีปแอฟริกา เอเชียและยุโรป มนุษย์กลุ่มนี้จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้น มีการสร้างกระท่อมเป็นที่พักอาศัย แทนการนอนในถ้ำ มีการคิดค้นเครื่องนุ่มห่ม สร้างภาพเขียนในถ้ำ หรือแม้กระทั่งมีพิธีฝังศพเป็นครั้งแรก โดยมนุษย์กลุ่มนี้ อาจถือได้ว่าเป็นมนุษย์ที่มีความก้าวหน้าทางอารยธรรมเป็นอย่างมาก

4 Homo sapiens (โฮโม เซเปียน) เป็นบรรพบุรุษสายตรงของมนุษย์ในปัจจุบัน โดยมนุษย์กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีอายุอยู่ราว 200000 ปีก่อน ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้ง เพราะเราเปลี่ยนการดำรงค์ชีวิตโดยการล่าสัตว์ มาเป็นการทำเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมในเวลาต่อมา จากการอยู่ร่วมกันเป็นสังคมเล็กๆ ก็มีการพัฒนาจนกลายเป็นหมู่บ้าน และประเทศในที่สุด โดยหลักฐานการค้นพบมนุษย์โฮโมเซเปียนครั้งแรกในประเทศไทยนั้น มีการขุดพบที่จังหวัดกระบี่ และสืบเชื้อสายมาจนถึงปัจจุบัน
        อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่มนุษย์กลุ่มโฮโมทั้งหมดที่พบได้บนโลก เพราะแท้ที่จริงแล้ว ได้มีการค้นพบหลักฐานการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตประเภท Homo (โฮโม แปลว่า มนุษย์) อยู่ทั้งหมด 9 สายพันธุ์ด้วยกันนะครับ ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในบทความนี้ จะทำให้ผู้อ่าน เข้าใจในที่ไปที่มาของมนุษย์มากขึ้น และครั้งหน้า ผมจะมีบทความ หรือความรู้อะไรมาฝากกันอีก อย่าลืมแวะเข้ามาติดตามกันได้นะครับ