http://pongsakornth.eu5.org/?p=1023
หากจะพูดถึงพระพุทธรูปที่มีความสำคัญของประเทศไทย
แน่นอนว่า ทุกคนคงจะนึกถึงพระแก้วมรกตใช่มั้ยครับ แต่ในบทความนี้ ผมจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับพระพุทธรูปที่มีความสลักสำคัญเป็นอย่างมาก
แต่พระพุทธรูปองค์นี้ ประดิษฐานอยู่ในเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาครับ
แต่ก่อนที่จะพูดถึงพระพุทธรูป
ผมขอผู้อ่านไปรู้จักกับประวัติและความเป็นมาของวัดก่อนนะครับ
ซึ่งชื่อวัดก็ตั้งตามชื่อพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ด้านในเลย ก็คือ
วัดมหามัยมุนีนั่นเองครับ โดยวัดแห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2328 โดย
พระเจ้าโบดอพญา หรือ พระเจ้าปดุง กษัตริย์แห่งราชวงศ์อลองพญา ตั้งอยู่ที่เมืองอมรปุระ
ซึ่งถือเป็นเมืองหลวงในขณะนั้น ต่อมาวัดแห่งนี้
ได้เป็นวัดที่สำคัญต่อพระมหากษัตริย์ พระมเหสี และราชวงศ์ชั้นสูง
เพื่อปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
อย่างที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่า ประเทศพม่า หรือเมียนมา มีความเคร่งครัดในการนับถือพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
https://travel.mthai.com/world-travel/72350.html
ต่อมาในปี พ.ศ. 2427 ได้เกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ขึ้น สร้างความเสียหายให้กับวัดมหามัยมุนี
รวมไปถึงพระพุทธรูปมหามัยมุนีด้วย ทองคำเปลวที่ปิดอยู่ที่องค์พระหลอมละลายออกมา ซึ่งต่อมามีการนำทองคำเปลวกลับไปปิดที่องค์พระพุทธรูปดังเดิม
และวัดแห่งนี้ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่โดย พระเจ้าธีบอ หรือ พระเจ้าสีป่อ ทรงถวายพระราชทรัพย์เพื่อใช้ในการบูรณะปฏิสังขรณ์
เป็นจำนวนเงินถึง 18360 รูปี และได้มีการทำนุบำรุงวัดมาตั้งแต่นั้นจนถึงปัจจุบัน
สำหรับทางเข้าไปภายในตัววัด จะแบ่งออกเป็นสี่ทิศ
สิ่งที่ไม่ควรพลาดในการเยี่ยมชมก็คือ อาคารที่ใช้เก็บรูปหล่อสัมฤทธิ์ ซึ่งเดิมทีนั้น
เคยมีรูปหล่อสัมฤทธิ์ถึง 30 กว่ารูป แต่ตอนนี้
เหลือเพียงรูปช้างเอราวัณ 1 รูป สิงห์ 3 ตัว และเทวดา 2 องค์เท่านั้น
โดยสิ่งที่พิเสษของรูปหล่อเหล่านี้ก็คือ รูปหล่อสัมฤทธิ์ทั้งหมดในอาคารหลังนี้
ไม่ได้สร้างขึ้นในประเทศพม่าแต่อย่างใด
แต่เป็นรูปหล่อที่ถูกสร้างขึ้นด้วยศิลปะของขอมครับ หากแต่ผ่านการเคลื่อนย้ายหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่เมื่อครั้งที่เจ้าสามพระยาแห่งกรุงศรีอยุธยา
ยกทัพไปตีนครธมได้สำเร็จ จึงได้สั่งให้ยกเอารูปหล่อสัมฤทธิ์ในเมืองนครธมมาประดิษฐานที่กรุงศรีอยุธยาด้วย
ต่อมา ในปี พ.ศ. 2112 พระเจ้าบุเรงนองหรือผู้ชนะสิบทิศ
ยกทัพจากกรุงหงสวาวดี (หรือเมืองพะโคในปัจจุบัน) เข้าตีกรุงศรีอยุธยา ซึ่งถือเป็นการเสียกรุงครั้งแรกของกรุงศรีอยุธยาด้วย
หลังจากที่ตีได้สำเร็จ พระเจ้าบุเรงนองได้สั่งให้เคลื่อนย้ายรูปหล่อสัมฤทธิ์มาไว้ที่พม่าอีกทีหนึ่ง
เห็นมั้ยละครับว่า รูปหล่อสัมฤทธิ์ในอาคารหลังนี้ มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
และนอกจากจะมีอาคารที่เก็บรูปหล่อสัมฤทธิ์แล้ว ยังมีภาพเขียนสีน้ำมัน
ที่พูดถึงตำนานของพระมหามัยมุนี ตั้งแต่เริ่มก่อสร้างอีกด้วย
http://pongsakornth.eu5.org/?p=1023
ส่วนอาคารที่เป็นประธานของวัด
ก็คงจะหนีไม่พ้นวิหารพระมัยมุนี รูปแบบของตัวอาคาร เป็นศิลปะพม่าผสมผสานกับศิลปะตะวันตก
เพราะตัวอาคารเพิ่งสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2428 ออกแบบโดยสถาปนิก ชื่อ เฮนรี่ ฮอย-ฟอกซ์ ส่วนองค์พระประดับประดาไปด้วยของล้ำค่าต่างๆ
เช่น มรกต ทับทิม ไข่มุก โดยเครื่องประดับทั้งหมดนี้สามารถถอดออกได้
เช่นเดียวกับเครื่องประดับขององค์พระแก้วมรกต โดยตำนานของพระมหามัยมุนี เล่าว่า
เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จเยือนกรุงธัญวดี เมืองหลวงของยะไข่ ครั้งนั้น พระเจ้าจันธรสุริยะได้ทรงขอสร้างรูปเคารพไว้เป็นองค์แทนพระพุทธเจ้า
ซึ่งพระองค์ก็อนุญาต และได้ทรงประธานลมหายใจให้กับพระพุทธรูปมหามัยมุนีด้วย
และก่อนที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จไปยังสถานที่ต่อไป พระพุทธรูปมหามัยมุนี
ได้พยายามที่จะลุกขึ้นทำความเคารพพระพุทธเจ้าด้วย แต่พระองค์ทรงห้ามไว้
จากตำนานนี้ จึงอาจกล่าวได้ว่า พระพุทธรูปมหามัยมุนี
เป็นพระพุทธรูปหนึ่งเดียวในพม่า ที่ยังคงมีลมหายใจ
และนำมาสู่พิธีกรรมล้างพระพักตร์ให้กับพระพุทธรูปในตอนเช้าด้วย
http://pongsakornth.eu5.org/?p=1023
โดยพิธีล้างพระพักตร์พระพุทธรูปนี้
ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจของวัด โดยพิธีจะเริ่มต้นตั้งแต่ตีสี่ เริ่มจากการประโคมวงมโหรี
และทำพิธีโดยเจ้าอาวาส ส่วนพุทธศาสนิกชนที่จะเข้าร่วม ก็จะมีที่นั่งถัดออกไป
อย่างไรก็ตาม พิธีกรรมเหล่านี้ คาดการณ์ว่าจะได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เนื่องจากศาสนาพุทธ ไม่นิยมให้ทำพิธีกรรมแบบนี้นะครับ
นี่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ หากมีโอกาส
อย่าลืมแวะไปเยี่ยมชมพิธีล้างพระพักตร์ พระพุทธรูปมหามัยมุนีกันด้วยนะครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองพม่า ซึ่งถือได้ว่า เป็นประเทศที่มีการนับถือศาสนาพุทธอย่างเคร่งครัด
และเป็นที่แสวงบุญของพุทธศาสนิกชนอีกที่หนึ่งเลย สำหรับสถานที่องเที่ยวต่อไป
ผมจะพาทุกท่านไปเยี่ยมชมที่ไหนนั้น โปรดติดตามนะครับ สำหรับบทความนี้ สวัสดีครับ
อ้างอิงข้อมูลจาก : https://readthecloud.co/mahamuni-buddha-temple-myanmar/
และเว็บไซต์ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=149
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น