วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2563

วัดมหามัยมุนี หนึ่งใน 5 สถานที่ท่องเที่ยวของพม่า ที่ไปครั้งแรกแล้วไม่ควรพลาด

http://pongsakornth.eu5.org/?p=1023

     หากจะพูดถึงพระพุทธรูปที่มีความสำคัญของประเทศไทย แน่นอนว่า ทุกคนคงจะนึกถึงพระแก้วมรกตใช่มั้ยครับ แต่ในบทความนี้ ผมจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับพระพุทธรูปที่มีความสลักสำคัญเป็นอย่างมาก แต่พระพุทธรูปองค์นี้ ประดิษฐานอยู่ในเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาครับ

      แต่ก่อนที่จะพูดถึงพระพุทธรูป ผมขอผู้อ่านไปรู้จักกับประวัติและความเป็นมาของวัดก่อนนะครับ ซึ่งชื่อวัดก็ตั้งตามชื่อพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ด้านในเลย ก็คือ วัดมหามัยมุนีนั่นเองครับ โดยวัดแห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2328 โดย พระเจ้าโบดอพญา หรือ พระเจ้าปดุง กษัตริย์แห่งราชวงศ์อลองพญา ตั้งอยู่ที่เมืองอมรปุระ ซึ่งถือเป็นเมืองหลวงในขณะนั้น ต่อมาวัดแห่งนี้ ได้เป็นวัดที่สำคัญต่อพระมหากษัตริย์ พระมเหสี และราชวงศ์ชั้นสูง เพื่อปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา อย่างที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่า ประเทศพม่า หรือเมียนมา มีความเคร่งครัดในการนับถือพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

https://travel.mthai.com/world-travel/72350.html

      ต่อมาในปี พ.ศ. 2427 ได้เกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ขึ้น สร้างความเสียหายให้กับวัดมหามัยมุนี รวมไปถึงพระพุทธรูปมหามัยมุนีด้วย ทองคำเปลวที่ปิดอยู่ที่องค์พระหลอมละลายออกมา ซึ่งต่อมามีการนำทองคำเปลวกลับไปปิดที่องค์พระพุทธรูปดังเดิม และวัดแห่งนี้ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่โดย พระเจ้าธีบอ หรือ พระเจ้าสีป่อ ทรงถวายพระราชทรัพย์เพื่อใช้ในการบูรณะปฏิสังขรณ์ เป็นจำนวนเงินถึง 18360 รูปี และได้มีการทำนุบำรุงวัดมาตั้งแต่นั้นจนถึงปัจจุบัน


      สำหรับทางเข้าไปภายในตัววัด จะแบ่งออกเป็นสี่ทิศ สิ่งที่ไม่ควรพลาดในการเยี่ยมชมก็คือ อาคารที่ใช้เก็บรูปหล่อสัมฤทธิ์ ซึ่งเดิมทีนั้น เคยมีรูปหล่อสัมฤทธิ์ถึง 30 กว่ารูป แต่ตอนนี้ เหลือเพียงรูปช้างเอราวัณ 1 รูป สิงห์ 3 ตัว และเทวดา 2 องค์เท่านั้น โดยสิ่งที่พิเสษของรูปหล่อเหล่านี้ก็คือ รูปหล่อสัมฤทธิ์ทั้งหมดในอาคารหลังนี้ ไม่ได้สร้างขึ้นในประเทศพม่าแต่อย่างใด แต่เป็นรูปหล่อที่ถูกสร้างขึ้นด้วยศิลปะของขอมครับ  หากแต่ผ่านการเคลื่อนย้ายหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่เมื่อครั้งที่เจ้าสามพระยาแห่งกรุงศรีอยุธยา ยกทัพไปตีนครธมได้สำเร็จ จึงได้สั่งให้ยกเอารูปหล่อสัมฤทธิ์ในเมืองนครธมมาประดิษฐานที่กรุงศรีอยุธยาด้วย ต่อมา ในปี พ.ศ. 2112 พระเจ้าบุเรงนองหรือผู้ชนะสิบทิศ ยกทัพจากกรุงหงสวาวดี (หรือเมืองพะโคในปัจจุบัน) เข้าตีกรุงศรีอยุธยา ซึ่งถือเป็นการเสียกรุงครั้งแรกของกรุงศรีอยุธยาด้วย หลังจากที่ตีได้สำเร็จ พระเจ้าบุเรงนองได้สั่งให้เคลื่อนย้ายรูปหล่อสัมฤทธิ์มาไว้ที่พม่าอีกทีหนึ่ง เห็นมั้ยละครับว่า รูปหล่อสัมฤทธิ์ในอาคารหลังนี้ มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาเลยทีเดียว และนอกจากจะมีอาคารที่เก็บรูปหล่อสัมฤทธิ์แล้ว ยังมีภาพเขียนสีน้ำมัน ที่พูดถึงตำนานของพระมหามัยมุนี ตั้งแต่เริ่มก่อสร้างอีกด้วย

http://pongsakornth.eu5.org/?p=1023

       ส่วนอาคารที่เป็นประธานของวัด ก็คงจะหนีไม่พ้นวิหารพระมัยมุนี รูปแบบของตัวอาคาร เป็นศิลปะพม่าผสมผสานกับศิลปะตะวันตก เพราะตัวอาคารเพิ่งสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2428 ออกแบบโดยสถาปนิก ชื่อ เฮนรี่ ฮอย-ฟอกซ์ ส่วนองค์พระประดับประดาไปด้วยของล้ำค่าต่างๆ เช่น มรกต ทับทิม ไข่มุก โดยเครื่องประดับทั้งหมดนี้สามารถถอดออกได้ เช่นเดียวกับเครื่องประดับขององค์พระแก้วมรกต โดยตำนานของพระมหามัยมุนี เล่าว่า เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จเยือนกรุงธัญวดี เมืองหลวงของยะไข่ ครั้งนั้น พระเจ้าจันธรสุริยะได้ทรงขอสร้างรูปเคารพไว้เป็นองค์แทนพระพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ก็อนุญาต และได้ทรงประธานลมหายใจให้กับพระพุทธรูปมหามัยมุนีด้วย และก่อนที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จไปยังสถานที่ต่อไป พระพุทธรูปมหามัยมุนี ได้พยายามที่จะลุกขึ้นทำความเคารพพระพุทธเจ้าด้วย แต่พระองค์ทรงห้ามไว้ จากตำนานนี้ จึงอาจกล่าวได้ว่า พระพุทธรูปมหามัยมุนี เป็นพระพุทธรูปหนึ่งเดียวในพม่า ที่ยังคงมีลมหายใจ และนำมาสู่พิธีกรรมล้างพระพักตร์ให้กับพระพุทธรูปในตอนเช้าด้วย

 

http://pongsakornth.eu5.org/?p=1023

      โดยพิธีล้างพระพักตร์พระพุทธรูปนี้ ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจของวัด โดยพิธีจะเริ่มต้นตั้งแต่ตีสี่ เริ่มจากการประโคมวงมโหรี และทำพิธีโดยเจ้าอาวาส ส่วนพุทธศาสนิกชนที่จะเข้าร่วม ก็จะมีที่นั่งถัดออกไป อย่างไรก็ตาม พิธีกรรมเหล่านี้ คาดการณ์ว่าจะได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เนื่องจากศาสนาพุทธ ไม่นิยมให้ทำพิธีกรรมแบบนี้นะครับ  นี่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ หากมีโอกาส อย่าลืมแวะไปเยี่ยมชมพิธีล้างพระพักตร์ พระพุทธรูปมหามัยมุนีกันด้วยนะครับ

      เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองพม่า ซึ่งถือได้ว่า เป็นประเทศที่มีการนับถือศาสนาพุทธอย่างเคร่งครัด และเป็นที่แสวงบุญของพุทธศาสนิกชนอีกที่หนึ่งเลย สำหรับสถานที่องเที่ยวต่อไป ผมจะพาทุกท่านไปเยี่ยมชมที่ไหนนั้น โปรดติดตามนะครับ สำหรับบทความนี้ สวัสดีครับ

 

อ้างอิงข้อมูลจาก : https://readthecloud.co/mahamuni-buddha-temple-myanmar/

และเว็บไซต์ : https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=149 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น